คุยกับร้านสูทสัญชาติไทย เจ้าเดียวที่ได้เรียนศาสตร์การตัดเย็บชั้นสูงจากกลุ่มช่างฝีมือของห้องเสื้อชั้นนำในอิตาลีและชุดความคิดเรื่องใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้สูทตัวสวยกลายเป็นเสื้อตัวเก่ง
สารภาพตามตรงว่านอกจากลายผ้าและสีสันที่เข้ากันดีกับผู้สวมใส่ เราไม่อาจแยกรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าสวยงามตรงหน้าได้ในเพียงพริบตาเดียว
ทรงที่รับกันพอดีของไหล่ อก เอว ช่วงแขน ความยาวของชายเสื้อ กระเป๋าข้างลำตัว กระดุม และอื่นๆ บ่งบอกว่าผู้สวมใส่มีรสนิยม ความชอบ ความสนใจ และไลฟ์สไตล์แบบไหน รายละเอียดที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยช่วยสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว เสริมบุคลิกและความมั่นใจ
เราจึงได้แต่คิดและก็สงสัยว่า การทำงานเบื้องหลังของคนที่เกี่ยวข้องกับรายละเอียดต่างๆ การออกแบบและตัดเย็บที่คิดถึงการกลบข้อด้อยและส่งเสริมข้อดีของผู้สวมใส่นั้น จะเป็นอย่างไร
ในยุคที่ร้านสูทตัดเฉพาะเกิดขึ้นมากมาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เป็นตัวของตัวเองกันมากขึ้น เราสนใจวิธีคิดของ เจย์ – จิรัฏฐ์ วีรวัชร์ภูวกุล เจ้าของแบรนด์และไดเรกเตอร์ผู้ดูแลทุกส่วนของ Azzurro (อัซซูโร่) ร้านตัดสูทคุณภาพสูง เขามารับช่วงต่อกิจการร้านสูทของครอบครัว ด้วยการสืบทอดศาสตร์การตัดเย็บจากอิตาลี ซึ่งมีหน้าร้านตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าอโศกและสุขุมวิทซอย 18
มาฟังแนวคิดและความตั้งใจที่จะรักษาคุณค่างานฝีมือเก่าแก่ ด้วยการสร้างสรรค์สูทตัวเก่งที่ตัดเย็บเฉพาะบุคคล ในแบบฉบับของ Azzurro แล้วคิดภาพตามไปด้วยว่าหากต้องมีสูทตัวเก่งสักตัว จะอยากให้ออกมาเป็นสูทที่มีหน้าตาแบบไหน
สุภาพบุรุษในชุดสูท
Azzurro (อัซซูโร่) เป็นภาษาอิตาเลียน แปลว่า สีฟ้า
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ชายแบบ Azzurro จึงมักทำให้คนรอบตัวรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ภายใต้ท่าทีสุขุมของ Azzurro มีความลับที่ทำให้ลูกค้านักธุรกิจและบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลายประเทศในโลกแวะเวียนมาไม่ ขาดสาย
ต้องขออภัยล่วงหน้าที่เนื้อหาบางส่วนอาจจะเป็นความลับทางการค้า เราจึงเปิดเผยได้แค่บางส่วน
ความลับสำคัญของสูทจาก Azzurro คือ ผ้าหางม้าทอ ชนิดต่างๆ ที่ช่างฝีมือเลือกใช้ประกอบกันอยู่ด้านในของเสื้อสูท ระหว่างผ้าชั้นนอกและผ้าซับใน ตรงบริเวณช่วงหน้าอกและปกเสื้อ และเมื่อรวมกับความชำนาญพิเศษของช่างฝีมือในการเย็บขึ้นรูป หรือการใช้มือรองไว้ให้เป็นทรงขณะที่เย็บ ทำให้ส่วนอกของเสื้อสูทดูมีมิติ ซึ่งเป็นวิธีการทำสูทแบบดั้งเดิมของอิตาลี
ขณะที่หัวใจสำคัญของปกเสื้อ คือ การทำให้เสื้อมีชีวิต หรือที่ภาษาช่างเย็บจะเรียกว่า การทำให้ปกไม่ตาย หรือปกเสื้อดูสปริงตัว ทั้งหมดนี้จะเสริมให้บริเวณช่วงลำตัวและหลังโค้งรับพอดีกับรูปร่างผู้สวมใส่ ราวกับเป็น second skin หรือผิวหนังอีกชั้น ที่ไม่เล็กหรือโคร่งเกินไป และให้น้ำหนักที่เบากว่า
ในกระบวนการตัดเย็บเฉพาะด้วยมือ ประกอบด้วย วัตถุดิบคุณภาพสูงและความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือเป็นสำคัญ ช่างฝีมือ 1 คนจะรับผิดชอบทำตัวเสื้อสูท 1 ตัว ขณะที่ส่วนแขนจะแยกทำโดยช่างแขนโดยเฉพาะ เพราะอาศัยความชำนาญที่ต่างกัน
ฟังขั้นตอนที่ซับซ้อนนี้แล้ว เราก็พอจะนึกภาพตามออกว่า การตัดเย็บลักษณะนี้หายากขึ้นทุกวันๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส หรือแม้แต่อิตาลี คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ (Karl Lagerfeld) ดีไซน์เนอร์และแฟชั่นไอคอนคนดังของยุคยังเคยกล่าวว่า “ช่างฝีมือ ถือเป็นสมบัติของชาติ”
เรียบร้อยโรงเรียนอิตาลี
เดิมที วิธีการทำสูทแบบดั้งเดิมของอิตาลีเป็นเทคนิคชั้นสูงที่ถ่ายทอดกันเฉพาะกลุ่มช่างฝีมือของห้องเสื้อชั้นนำในอิตาลีเท่านั้น
เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนช่างฝีมือในอนาคต ที่อิตาลีจึงก่อตั้ง L’Accademai Nazionale dei Sartori โรงเรียนสอนตัดสูทของสมาคมช่างตัดเสื้ออิตาลีขึ้นที่โรม เพื่อสร้างช่างฝีมือรุ่นใหม่ และด้วยสายสัมพันธ์อันดีระหว่างร้านสูทของครอบครัวกับร้านตัดเย็บสูทเก่าแก่ในอิตาลีมากมาย ครอบครัวจึงส่งน้องสาวของเจย์ ซึ่งขณะนั้นกำลังเรียนแฟชั่นดีไซน์ที่ Istituto Marangoni ในมิลาน จึงเป็นคนไทยคนแรก และเป็นร้านสูทจากไทยเจ้าเดียวที่มีโอกาสเรียนรู้กระบวนการทำสูทแบบอิตาเลียนอย่างจริงจัง ก่อนที่เจย์จะตามไปเรียนหลักสูตรสั้นๆ ในเวลาต่อมา
“จริงๆ คนอิตาลีเขาก็ไม่อยากให้เราเรียนเพราะเป็นความลับของชาติ เราจึงมีสัญญาใจว่าจะไม่เผยแพร่สิ่งที่ได้เรียนรู้แก่คนนอกร้าน” เจย์เล่า
นอกจากเทคนิคการตัดเย็บขั้นสูงแล้ว สิ่งที่เจย์และน้องสาวเรียนรู้จากอิตาลีคือ ทัศนคติเรื่องความรักต่องานที่ทำ
“สมมติเรากำลังลองตัวให้ลูกค้า ลูกค้าอาจจะมองไม่เห็นว่ามีตรงไหนที่ไม่สวย แต่ช่างอิตาเลียนจะมองเห็นและแก้ไขมันทันทีโดยที่ไม่ต้องร้องขอ เพราะต้องการให้เสื้อตัวนี้สวยแบบ 100% เขามองสิ่งที่ทำเป็นงานศิลปะชิ้นเยี่ยมที่ตั้งใจทำมันอย่างดีในทุกครั้ง” คำบอกเล่าของเจย์ ทำให้เราหันมาคิดถึงงานที่ทำอยู่
Tailor-made Suits
ทุกวันนี้ การตัดสูทไม่ใช่เรื่องของคนมีอายุเท่านั้น แม้แต่คนอิตาลีเองพอเริ่มทำงาน มีเงินเก็บก็จะเริ่มอยากมีสูทเป็นของตัวเองสักชุด เพราะใส่แล้วมั่นใจกว่า ขณะที่ลูกค้าคนไทย จะเลือกตัดสูทจากโอกาสและงานสำคัญ
นอกจากความไว้วางใจในกรรมวิธีการตัดเย็บ คุณภาพของผ้าที่ทางร้านใช้ก็เป็นอีกเหตุผลสำคัญที่คนรักสูทให้การยอมรับ โดยเฉพาะแบรนด์จากอิตาลีและอังกฤษ เช่น Loro Piana ของอิตาลี และ Holland & Sherry ของอังกฤษ ซึ่งข้อดีของผ้าจากอิตาลีคือ ตัดออกมาแล้วเข้ารูปสวยงาม ขณะที่ผ้าจากอังกฤษจะทนทานกว่า เพราะขั้นตอนการผลิตผ้านั้นคำนึงถึงการทนต่อสภาพอากาศเป็นสำคัญ
“ส่วนตัวแล้วผมชอบผ้าของ Loro Piana ที่สุด และกว่าจะได้ผ้าแบรนด์นี้มาที่ร้าน ทางอิตาลีต้องเข้ามาตรวจว่าช่างฝีมือของเราเย็บผ้าเขาได้มั้ย เขาถึงส่งตัวอย่างผ้ามาให้ร้านเรา” เจย์เล่าพร้อมเปิดตัวอย่างผ้าคอลเลกชันใหม่ล่าสุด ที่ทำให้ตาของเราลุกวาวตาม
“นอกจากเหตุผลเรื่องโอกาสในการใช้งาน ทำไมเราควรจะต้องมีสูทตัวเก่งที่ตัดเฉพาะเราสักตัว” เราถาม
“สูทคุณภาพดีหนึ่งตัว สามารถใช้งานได้ 5-10 ปี แม้มีราคาสูง แต่เมื่อหารราคาต่อครั้งที่ใช้ ผมว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับราคาเสื้อผ้าสำเร็จ เพราะคุณจะเลือกหยิบมาใช้บ่อย ขณะที่เสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วไม่ชอบใส่ ต้องเก็บไว้ในตู้ ต่อให้ราคาถูก ผมก็มองเป็นเสื้อราคาแพงอยู่ดี ผมมองเรื่องนี้เป็นความคุ้มค่ามากกว่า
“หน้าที่เราคือทำเสื้อตัวเก่งให้ลูกค้า ไม่ใช่แค่สวยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเสื้อที่เราจะหยิบมาใส่ทุกครั้ง บางทีเขาอาจจะไม่ได้เข้าใจกรรมวิธีการตัดเย็บต่างๆอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร แต่เขาใส่แล้วสวยและมั่นใจเท่านั้นพอ” เจย์ เล่าความตั้งใจของแบรนด์ Azzurro
กระบวนการของ Azzurro ในการออกแบบเสื้อสูทตัวเก่งนั้นแสนเรียบง่าย เจย์ผู้รับหน้าที่หลักในการแปลงสารสำคัญ ผ่านบทสทนาอย่างเป็นธรรมชาติระหว่างวัดตัว ลองตัว ชวนพูดคุยเรื่องทั่วไป จนทำให้เจย์ค่อยๆ ทำความเข้าใจตัวตนและไลฟ์สไตล์ส่วนบุคคลนั้น ทั้งจากแนวเพลงที่ฟัง อาหารที่ชอบ การเดินทางครั้งล่าสุด งานอดิเรก ครอบครัว ไปจนถึงกลุ่มเพื่อนที่สนิท
“นอกจากการพูดคุยจะทำให้เรารู้จักและเข้าใจตัวตนของเขาแล้ว ก็ยังทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงสิ่งที่ต้องการ ตอนแรกเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เราก็จะค่อยๆ เสนอแนวทางที่เหมาะสม เช่น ผู้ใหญ่มักจะเข้าใจว่ากางเกงตัวเล็กทำให้รู้สึกอึดอัด เราก็ค่อยๆ อธิบายว่า ต่อให้แบบทรงจะดูแนบติดตัวแค่ไหน แต่ผ้าที่ดีจะช่วยทำให้รู้สึกสบาย หัวใจสำคัญของ Azzurro คือการทำเสื้อตัวเก่งให้เขา เสื้อแบบไหนที่จะแสดงตัวตนของเขาออกมา ไม่ใช่เสื้อทั่วไป แต่เป็นเสื้อของเขาจริงๆ” เจย์เล่า
Story-tailor (made)
“การตัดสูท สำหรับคนที่ไม่รู้ว่าสูทที่ดีเป็นยังไง เขาก็ไม่รู้ว่าเสื้อที่ได้มาดีหรือไม่ดี มันเหมือนการกินอาหารถ้ายังไม่เจอจานที่อร่อยจริงๆ เขาก็จะคิดว่าจานตรงหน้าอร่อยแล้ว แต่ถ้าได้ลองอาหารที่อร่อยกว่านั้นจริงๆ เขาก็จะรู้” เจย์เล่าเปรียบเทียบเพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจและหลงใหลการตัดเสื้อสูทที่ทำขึ้นเฉพาะบุคคล
สิ่งที่น่าสนใจของตลาดและการทำแบรนด์ร้านสูท Azzurro ก็คือ การแนะนำต่อๆ กันของลูกค้าเดิมเป็นสำคัญ ซึ่งเจย์เล่าว่าเขาเคยลองทำการตลาดด้วยการโฆษณาใน โซเชียลมีเดียแล้ว จึงได้รู้ว่าเป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับแบรนด์เท่าไหร่ เพราะความคาดหวังที่มีของกลุ่มคนที่สื่อสารแตกต่างกัน เช่น งบประมาณของสูท หรือความเข้าใจในคุณค่าของการตัดเย็บอย่างมีคุณภาพ
“ธรรมชาติของผู้ชายซึ่งเชื่อในสิ่งที่เพื่อนแนะนำต่อๆ กันมา เป็นข้อได้เปรียบของธุรกิจนี้หรือเปล่า” เราถาม
แม้การแนะนำบอกต่อระหว่างเพื่อนจะดูเป็นข้อดี เจย์บอกว่า จริงๆ แล้วมีข้อเสียที่คนอาจจะคิดไม่ถึง นั่นคือ ถ้าหากแบรนด์นั้นๆ ทำงานพลาด จนเกิดความรู้สึกที่ไม่ดี ก็จะเป็นที่พูดถึงต่อๆ กันเร็วและไปไกลมาก
“ในกลุ่มเพื่อนกัน สมมติถ้ามีคนหนึ่งที่ Geek เรื่องสูทมาก เป็นกูรูเรื่องแต่งตัว ถ้าอยากตัดสูทต้องถามคนนี้ ซึ่งถ้าเขาเจอประสบการณ์ไม่ดีก็จะไม่แนะนำให้กัน” เจย์เล่า
นอกจากการรับงานสั่งตัดที่หน้าร้านแล้ว Azzurro ยังมีบริการ Trunk Show หรือนัดหมายพิเศษเพื่อวัดตัว เลือกตัวอย่างผ้าเตรียมตัด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีแผนจะเดินทางมาประเทศไทย เป็นการลดขั้นตอนให้ลูกค้าสามารถลองเสื้อทันทีที่เมื่อถึงกำหนดเดินทางมากรุงเทพ
“มีลูกค้าจากต่างประเทศ ขอให้ผมบินไปวัดตัวเขาและเพื่อนๆ 50 คน นั่นแปลว่า ถ้าทุกคนสั่งเสื้อคนละ 2 ตัว เราจะต้องทำเสื้อร้อยตัวในเวลา 3 เดือน ซึ่งเราจำเป็นต้องปฏิเสธเพราะเราอยากทำงานทุกชิ้นอย่างดีที่สุดในจำนวนที่เรารับได้ เราคิดว่าสิ่งที่ท้าทาย Azzurro คือการเพิ่มช่างฝีมือมากกว่าที่จะสนใจยอดขาย เมื่อเราทำงานอย่างตั้งใจจริง การขายก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป เพราะมีคนที่ต้องการสูทที่ตัดเฉพาะ เพียงแต่เราไม่สามารถรับงานในปริมาณที่มากกว่าจำนวนที่เราทำได้” เจย์อธิบายเหตุผลของการทำธุรกิจอย่างพอประมาณ
Azzurro is all about details
อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Azzurro เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าในไทยและต่างประเทศ จนกลับมาใช้บริการอยู่เสมอ คือ การไม่ประณีประนอมต่อคุณภาพ ซึ่งมาจาก ทัศนคติหรือชุดความคิดเดียวกันของทีมงานทุกคน ที่จะไม่ยอมปล่อยผ่านให้งานที่ไม่ได้มาตรฐานไปถึงมือลูกค้า โดยมีที่มาจากความรู้สึก รักในงานที่ทำ ภูมิใจเมื่อลูกค้าเลือกใส่ชุดของเราในงานสำคัญ รวมถึงการยอมเปิดรับอะไรใหม่ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
“ที่นี่ เราจะเชิญช่างจากอิตาลีเข้ามาสอนที่ร้านอยู่เสมอ จริงๆ ไม่เชิงสอนแต่คือการตรวจทานสิ่งที่เคยสอนไป นอกจากช่างฝีมือเก่าแก่ของเราจะได้โอกาสเรียนรู้แล้ว หากช่างใหม่ที่ร้านอยากมีโอกาสเข้าเรียนก็ต้องพยายามพัฒนาและพิสูจน์ตัวเองว่ามีความสามารถเพียงพอ” เจย์เล่าบรรยากาศการเรียนรู้ภายใน ก่อนจะเสริมว่าที่ Azzurro มีช่างฝีมืออายุต่ำสุด 55 ปี สูงสุด 70 ปี ขณะที่ช่างฝึกหัดอายุน้อยที่สุดมีอายุ 35 ปี และทั้งๆ ที่อายุมากแล้ว แต่ด้วยความชำนาญทำให้สามารถร้อยด้ายเข้ารูเข็มเล็กๆ ภายในครั้งเดียว
“เมื่อทำในสิ่งที่ให้ความสุขแก่คนอื่น คุณจะได้รับมากกว่าธุรกิจ คุณจะได้เพื่อน คุณจะได้พลังกลับมาเพื่อดำเนินชีวิตของคุณต่อ” เจย์เล่าสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำแบรนด์ Azzurro
“ผมเคยถามเพื่อนที่เป็นนักธุรกิจว่า เขาสามารถตัดสูทที่ไหนก็ได้ในโลก ทำไมถึงเลือก Azzurro และแนะนำเพื่อนๆ ให้มาตัดที่นี่อยู่เสมอ เขาตอบผมว่า การตัดสูทที่ร้านอื่น เขาได้เสื้อสูท แต่การมาตัดที่นี่ เขาเหมือนได้มาเจอเพื่อน ที่สำคัญ เพราะว่าเราไม่ประณีประนอมเรื่องคุณภาพ เขาจึงกล้าแนะนำเพื่อนมา เพราะเขารู้ว่าเขาไม่เสียแน่นอน” เจย์กล่าว ก่อนจะทิ้งท้ายคำแนะนำสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจจากความรัก
“ผมว่าแพชชั่นมันมีวันหมดอายุนะ ถ้าคุณไม่ตั้งใจต่อสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่อง และการมีแพชชั่นอย่างเดียวนั้นไม่พอ เพราะถึงวันหนึ่งที่คุณพบว่าไม่มีใครชอบงานคุณเลยจริงๆ มันจะอยู่ไม่ได้ หัวใจของการทำแบรนด์ คือการปักเสาเข็มที่แข็งแรงและลึกเพียงพอ คุณต้องมีความรู้และเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำจริงๆ อยากเป็นดีไซน์เนอร์อย่างน้อยๆ ก็ต้องรู้ว่าจะตัดเย็บเสื้อผ้าหรือทำแพทเทิร์นอย่างไร ไม่ใช่ออกแบบแล้วส่งให้ช่างฝีมือเย็บต่อ คุณต้องลงไปทำมันเอง”
“ที่ Azzurro มาได้ถึงวันนี้ เพราะกิริยาตอบรับจากลูกค้าในทุกครั้งที่เขามารับเสื้อ ซึ่งช่วยเติมพลังงานให้เรา แม้จะเป็นประกายเล็กๆ แต่เมื่อเติมเข้าทุกๆ วัน ก็ทำให้ร้านเราดำเนินอยู่ได้ ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยนะ อยากตื่นมาทำงานทุกวัน”
ความหมายที่อยู่ในรายละเอียด
จากวิธีคิดของช่างฝีมือชาวอิตาเลียน อย่างการสร้างสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้สวมใส่ การเข้าใจรูปร่างของคนที่อาจจะไม่ได้เหมือนกัน การออกแบบและตัดเย็บที่กลบข้อด้อยและส่งเสริมข้อดีของเขา
ไม่เพียงส่งเสริมบุคลิกภาพ สูทที่ดียังสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ออกมา ผ่านรายละเอียดที่ออกแบบพิเศษเพียงเล็กน้อยก็สามารถสร้างความเฉพาะตัวไม่มีใครเหมือน เป็นความอิ่มเอมที่เกิดขึ้นทั้งเจ้าของเสื้อตัวเก่งและช่างฝีมือผู้อยู่เบื้องหลัง
ในยุคที่คนให้คุณค่ากับนิยามความเป็นตัวตน มากกว่าแค่ความสวยงามของเปลือกนอก โจทย์สำคัญของการใช้ชีวิต คือการมองหาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวตนจริง ๆของเรา ซึ่งไม่ต่างจากสูทตัวเก่งคุณภาพดีที่มองด้วยตาเราอาจจะไม่เห็นคุณค่าในเรื่องราวและกรรมวิธีกว่าจะได้มา แต่เมื่อดูให้ลึก คุณจะพบรายละเอียดที่มีความหมายต่อชีวิตซ่อนอยู่
The Rule : Azzurro
1 ตั้งเป้าหมายชัดเจน ว่าเราอยากให้สูทจาก Azzurro ทุกตัวเป็นสูทตัวเก่ง เราจะไม่ทำเสื้อที่ลูกค้ารับกลับไปบ้านแล้วแขวนเก็บไว้ในตู้
2 เข้าใจลูกค้าและดึงเอกลักษณ์ออกมาให้มากที่สุด
3 รักษาความรู้สึกกระตือรือร้นให้เหมือนทำงานวันแรกอยู่เสมอ
www.azzurrotailor.com
Instagram | azzurrotailor
Facebook | azzurrotailor
ส่วนตัวผมเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับการแต่งตัวอะไรมากนัก เพราะไม่ใช่คนชอบแฟชั่นและด้วยLifestyleที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับเรื่องเสื้อผ้าหน้าผมเท่าไรยิ่งทำให้ความรู้เรื่องการแต่งตัวให้ดูดีเหมาะกับรูปร่างนี่เป็นศูนย์เลย แต่เพราะต้องเตรียมตัวหาชุดใช้สำหรับงานแต่งงาน ว่าที่สุภาพสตรีหมายเลข1ของผมก็เลยแนะนำให้หาร้านตัดเสื้อดีๆสักร้านเพื่อจะได้ใช้ตัดชุดที่จะใช้ในวันงาน แต่ผ่านไปหลายสัปดาห์ผมก็ยังหาร้านสูทที่ถูกใจไม่ได้สักที
จนกระทั่งวันนึงได้คุยกับเพื่อนคนนึงเล่าให้ฟังว่าพึ่งไปตัดชุดที่ร้านนึงมาและโม้ซะเหลือเกินว่าชอบในบริการกับคุณภาพของผ้าและการตัดเย็บมากกกก ผมเลยขอเบอร์เจ้าของร้านและลองโทรไปคุยดู จากการพูดคุยและเข้าไปดูในเวบไซด์ของร้านทำให้ผมรู้ว่าร้านนี้เปิดให้บริการมานานกว่า50ปีแล้ว เจ้าของร้านคนปัจจุบันเป็นรุ่นที่2 ชื่อคุณเจย์รับช่วงกิจการมาจากคุณพ่อและที่ร้านนี้ตัดเสื้อผ้าสไตล์อิตาเลียน(ที่เข้าใจคือพอดีตัว ไม่หลวมจนเกินไป เข้ากับรูปร่างของผู้สวมใส่ที่สุด) คุณเจย์คุยดีมากครับ ให้ความรู้เรื่องสูทและคำแนะนำเกี่ยวกับสูทอีกเยอะแยะมากมาย ทำให้ผมได้เปิดโลกเลยว่าสูทนี่มีเรื่องอะไรให้เราได้เรียนรู้อีกมากจริงๆแฮะ (คุณเจย์และพี่สาวไปศึกษาเพิ่มเติมด้านการตัดสูท การออกแบบและ Fashion Design ที่ Milan, Italy)
เมื่อได้ฤกษ์ดี ก็เริ่มจากการที่ผมเอาแบบสูทที่ชอบมาปรึกษาคุณเจย์ที่ร้านให้ช่วยดูว่าเข้ากับรูปร่างของผมมั้ย ก่อนที่คุณเจย์จะเอาแบบผ้ามาให้ผมเลือก สำหรับคนที่ยังไม่มีแบบในใจอาจจะมาลองปรึกษากับทางร้านก่อนก็ได้ครับ ในส่วนของผ้าที่ร้านมีให้เลือกเยอะมากมากจริงๆ ผ้าส่วนใหญ่ที่ทางร้านเอามาให้ผมเลือกจะเป็นผ้านำเข้าเกรดpremium แต่สุดท้ายผมเลือกผ้าผืนนึงที่ทำขึ้นในอังกฤษเนื่องจากชอบในสัมผัส, ความละเอียด และสีของผ้า จากนั้นก็จะเป็นการวัดตัวตามปกติ ก่อนที่ทางร้านจะเอาขนาดที่วัดตัวเราไปตัดชุด ซึ่งกรณีของผมระหว่างทางทางร้านก็จะมีการนัดมาลองวัดตัวเป็นระยะๆ (เพราะตอนไปครั้งแรกผมอ้วน เลยต้องลดน้ำหนัก เพื่อให้สูทที่ตัดออกมาใส่แล้วดูสวยดูดีที่สุดครับ – -“)
ระหว่างที่ทางร้านตัดชุด ผมก็ไปฟิตซ้อมลดน้ำหนักจนกระทั่งใกล้วันงานก็มาวัดตัวอีกที สรุปว่าไปรบกวนให้ทางร้านวัดตัวไปไม่ต่ำกว่า3-4รอบและก็ไปได้ชุดคืนก่อนวันงานพอดี คุณเจย์ก็น่ารักมากเลยครับ ช่วยเอาชุดที่ตัดเสร็จทั้งหมดมาส่งให้ฟรีถึงโรงแรมเลย ไม่เคยเจอบริการแบบนี้ที่ไหนเลยครับ ทำเอาผมประทับใจมากกับบริการของร้าน ต้องออกตัวก่อนว่าจริงๆแล้วที่ร้านไม่ได้บริการส่งชุดนะครับ พอดีว่าผมขอคุณเจย์มาวัดตัวครั้งสุดท้ายก่อนวันงาน+โรงแรมที่ผมจัดงานแต่งงานอยู่ไม่ไกลจากร้านเท่าไรเลยค่อนข้างสะดวก ท่านอื่นที่สนใจยังไงก็ลองสอบถามทางร้านเพื่อความสะดวกก่อนได้นะครับจะได้ไม่มีปัญหาเข้าใจผิดกันทีหลัง
คุณภาพของสูทที่ได้น่าประทับใจจริงๆครับ งานตัดปราณีตละเอียดดีมาก เนื่องจากผ้าที่ทางร้านเลือกหามาให้ลูกค้าได้เลือกตัดนั้นเป็นผ้าชนิดที่มีการทอที่ค่อนข้างถี่ทำให้สูทของทางร้านสามารถเก็บรายละเอียดมีส่วนเว้าส่วนโค้งเข้ากับรูปร่างของผู้สวมใส่ ทำให้เวลาสวมออกมาแล้วดูดีครับ ทางร้านยังมีบริการปักชื่อของเราให้ฟรีไว้ที่ด้านซับในของสูท เผื่อเวลาเอาไปซักแห้งจะได้สามารถบอกพนักงานได้ครับว่าสูทของเรานั้นตัวไหน ไม่มีทางหยิบผิดแน่ๆ ผมว่าอันนี้เก๋ดีครับ ระหว่างพิมพ์ไปนึกขึ้นได้ว่าจะหารูปสูทที่ตัดมาให้ แต่ติดตรงที่ยังไม่ได้รูปจากทีมช่างภาพเพราะพึ่งจะใช้สวมในวันแต่งงานไปไม่นาน ไว้ถ้าผมได้รูปแล้วจะทยอยมาอัพเพิ่มให้ดูเป็นตัวอย่างนะครับ
มีอย่างนึงที่ผมรู้สึกชอบตัดสูทที่ร้านนี้คือการบริการครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้าที่ร้านมีคุณเจย์เป็นรุ่นที่2 ซึ่งคุณเจย์จะลงมาดูแลลูกค้าด้วยตัวเองเลยทำให้เข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ดี อีกทั้งตัวคุณเจย์เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีครับ คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำดีๆตลอด ไม่เคยบ่นหรือทำอะไรให้เรารู้สึกว่ารำคาญหรือดูแคลนคนที่ไม่รู้เรื่องสูทอะไรอย่างผมเลย เป็นธรรมดาครับที่คนทั่วไปอย่างเราๆจะไม่รู้เรื่องสูทเพราะที่บ้านผมเองก็ทำอาชีพอื่น และไม่ได้มีความถนัดทางด้านนี้ แต่ก็ได้คุณเจย์นี่แหละครับ คอยแนะนำนู่นนี่นั้นให้จนทำให้ผมได้สูทในแบบที่ชอบในท้ายที่สุด สิ่งที่ได้เพิ่มเติมมาอีกอย่างคือมิตรภาพที่ผมไม่เคยเจอจากการไปตัดสูทร้านอื่นๆเลยครับ ถ้าจะให้ตัดสูทใหม่อีกสักชุด ตอนนี้ผมก็มีร้านอยู่ในใจแล้วล่ะครับ
สรุป ถ้าคุณกำลังมองหาร้านตัดสูทเท่ห์ๆ ใช้ผ้าคุณภาพดี ได้สูทที่เข้ากับบุคคลิกของคุณมากที่สุด ไม่ว่าคุณจะรู้หรือแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสูทเลย และอยากได้บริการดีๆหมือนไปตัดกับเพื่อนฝูงคนรู้จักละก็…. ถ้าคุณไม่ลองแวะมาคุยกับร้านนี้ คุณอาจจะเสียใจทีหลังได้ครับ
คุณภาพ 5 ดาว
บริการ 5 ดาว
ราคา 3 ดาว
ความรวดเร็ว 4 ดาว
ภาพรวม 4.5 ดาว
Credit Suite & Tailor
ขอขอบคุณ : O&Au มากครับสำหรับการรีวิวดีๆแบบนี้
แหล่งที่มา : https://pantip.com/topic/35810744
วันที่ 1
ชุดเจ้าบ่าว พี่จ๋าเลือกร้าน Azzurro Tailor ตรงอโศก เนื่องจากพี่จ๋าและพี่ชายพี่จ๋า เห็นร้านนี้ในหนังสือสูทมานานแล้ว และประกอบกับคุณตั๊ก ที่ตัดชุดเจ้าสาวน้องบัว ก็แนะนำร้านนี้เหมือนกัน เพราะถ้าจะหาช่างตัดสูทเนี๊ยบเป๊ะ ที่ราคาสมเหตุสมผลแล้วล่ะก็ เลือกร้าน Azzurro เหมาะสำหรับสไตล์ของพี่จ๋าและพี่ชายพี่จ๋ามากที่สุดคะ สูทที่ถูกต้องเป็นทางการ แต่ตัดออกมาใส่แล้วดูไม่เป็นคุณลุงแก่ๆ แต่กลับเป็นการเสริมบุคลิกของคนใส่ให้ดูสมาร์ท และเท่ห์ยิ่งขึ้น บัวได้สัมผัสความตั้งใจในการตัดสูท ของคุณเจย์และคุณบี เจ้าของร้านที่ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเหมือนคนในครอบครัว สามารถคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลและแฟชั่นอย่างสนุกสนาน ส่วนด้านการตัดเย็บไม่ต้องพูดถึง คุณเจย์และคุณบีดูแลด้วยตัวเอง พิถีพิถันในการตัดเย็บทุกระเบียบนิ้วเลยคะ ดังนั้นเราเลยตัดชุดกับทางร้านคือ
– ชุดเจ้าบ่าว ชุดสูทสีกรมท่า และ เสื้อเชิ๊ตสีชมพูอ่อน
– ชุดพี่ชายเจ้าบ่าว ชุดสูทสีกรมท่าลายทางสีขาว และเสื้อเชิ๊ตสีขาว
ขอขอบคุณ : Bua&Jah มากๆครับสำหรับการรีวิวน่ารักๆ
แหล่งที่มา :
https://pantip.com/topic/33976752 , https://pantip.com/topic/33830788
วันที่ 2
ชุดเจ้าบ่าว : AZZURRO TAILOR แน่นอนคะ พี่จ๋าและพี่แจ็คติดใจฝีมือการตัดเย็บและการบริการของร้านคุณเจย์และคุณบี ทั้งสองคนจึงเลือกตัดทักซิโด้สไตล์อิตาเลี่ยนกับทางร้านคะ
– ชุดเจ้าบ่าวเป็นชุดทักซิโด้สีดำ (Classic Black Tuxedo) ปกโค้งผ้ามัน// โบว์ไทด์สีดำ // ผ้าคาดเอวสีดำ หรือที่เรียกว่า cummerbund ที่ช่วยเสริมให้บุคลิกของผู้ใส่สง่างามยิ่งขึ้นคะ ประดับด้วยผ้าเช็ดหน้าสีขาวล้วน (Pocket square) และ ทั้งนี้พี่จ๋าตัดเสื้อเชิ้ตสีขาว จับจีบด้านหน้า ใช้ สตัทเงิน (studs) สีดำแทนกระดุมธรรมดาคะ และใช้คัพลิ้งสีดำทอง (clufflinks) ใส่กับรองเท้าบู๊ทสั้น เพื่อที่เวลายืนจะไม่เห็นขอบขากางเกงกองอยู่เหนือรองเท้า และ เมื่อเวลานั่งก็จะไม้เห็นถุงเท้าคะ
– นอกจากนี้พี่จ๋าตัดเสื้อแจ็คเก็ตสีขาวเพิ่ม 1 ตัว และใช้ (Pocket square) ลายขาวดำ สำหรับใช้ใส่ช่วงยืนถ่ายรูปหน้างานค่ะ ที่ตัดเพิ่มมาจากความต้องการให้เจ้าบ่าวจะดูไม่มีอะไรโดดเด่นคะ
ขอขอบคุณ : Bua&Jah มากๆครับสำหรับการรีวิวน่ารักๆ
แหล่งที่มา :
https://pantip.com/topic/33976752 , https://pantip.com/topic/33830788
One thing I was decided to do during my trip to Thailand was to have myself made ready to measure dresses and coats by a lady tailor. There are already many men tailors in Bangkok but very few excellent ones and the excellent ones, do not make ready to measure for women… It was very challenging to find a lady tailor but thanks to information on a blog, I found one and it turned out to be exceptional. All my measures were taken by Tanika and some days later, a mock-up dress was made. This dress was adjusted to my body for the perfect cut. I had already some ideas about the kind of dresses I wanted (design, color, short/long sleeves, lenght etc.) Together with Tanika, who advised me perfectly, we decided about the slightest details. 12 days later I received my dresses and they are absolutely perfect. I work for high-end woman ´s glossies in Paris and therefore the quality of the clothes I wear is very import. I got so many compliments on those dresses already! The material Tanika uses is also of the highest quality (100% cachemere from Italy -Loro Piana for exemple- linnen, cotton). Now that Tanika has my measures, i can order any dress, skirt, shirt from Paris. I very highly recommend the excellent work of Tanika and Atelier Azzurro.
https://th.tripadvisor.com/Attraction_Review-g293916-d7059285-Reviews-Atelier_Azzurro-Bangkok.html